แหล่งน้ำธรรมชาติและการปนเปื้อนสารเคมี

น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือพืชพรรณ การปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำธรรมชาตินับเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ระบบนิเวศ และความสมดุลของธรรมชาติ

ประเภทของแหล่งน้ำธรรมชาติ

แหล่งน้ำธรรมชาติสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท

1.น้ำผิวดิน (Surface Water)

น้ำผิวดินคือแหล่งน้ำที่ปรากฏอยู่บนพื้นผิวโลก เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ทะเลสาบ น้ำผิวดินเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่มนุษย์ใช้สำหรับการบริโภค เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม น้ำในแหล่งเหล่านี้มาจากน้ำฝนที่ตกลงมาและไหลลงสู่แม่น้ำหรือลำคลอง ก่อนจะไหลต่อไปสู่มหาสมุทร แหล่งน้ำผิวดินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ เช่น การจัดหาน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค การเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูกพืช นอกจากนี้ แหล่งน้ำผิวดินยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและพืชพรรณน้ำที่หลากหลาย มีบทบาทสำคัญในการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ

อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำผิวดินมักมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสูง เนื่องจากน้ำผิวดินสามารถสะสมสารเคมีจากกิจกรรมมนุษย์ เช่น ปุ๋ยเคมีจากการเกษตร น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และสารพิษจากของเสียในชุมชน การปนเปื้อนดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

2.น้ำใต้ดิน (Groundwater)

น้ำใต้ดินคือแหล่งน้ำที่สะสมอยู่ในชั้นหินและดินใต้พื้นผิวโลก เช่น น้ำบาดาล น้ำใต้ดินส่วนใหญ่มาจากการซึมของน้ำฝนผ่านชั้นดินและหินลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน การเคลื่อนที่ของน้ำใต้ดินเกิดขึ้นช้ากว่าน้ำผิวดิน และในบางพื้นที่ น้ำใต้ดินอาจเป็นแหล่งน้ำหลักในการบริโภคและการเกษตร เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำผิวดินเพียงพอ

น้ำใต้ดินมีความสำคัญอย่างมากสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะในพื้นที่แห้งแล้งที่ไม่มีแม่น้ำหรือลำคลอง อย่างไรก็ตาม น้ำใต้ดินมักถูกใช้อย่างไม่ยั่งยืนในหลายพื้นที่ เช่น การสูบน้ำมากเกินไปเพื่อการเกษตรหรืออุตสาหกรรม ซึ่งอาจทำให้น้ำใต้ดินลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการทรุดตัวของพื้นดินและการขาดแคลนน้ำในระยะยาว

นอกจากนี้ น้ำใต้ดินยังมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากสารเคมีที่ชะล้างลงสู่ชั้นดิน เช่น สารเคมีจากการเกษตร หรือของเสียจากแหล่งอุตสาหกรรม การปนเปื้อนดังกล่าวอาจทำให้คุณภาพของน้ำใต้ดินเสื่อมลงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ที่ใช้น้ำใต้ดินในการบริโภค

3.น้ำในบรรยากาศ (Atmospheric Water)

น้ำในบรรยากาศคือไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรน้ำ (Water Cycle) น้ำในบรรยากาศเกิดขึ้นจากการระเหยของน้ำจากแหล่งน้ำผิวดิน เช่น มหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำ และจากการคายน้ำของพืช ไอน้ำเหล่านี้จะรวมตัวกันในบรรยากาศจนเกิดเป็นเมฆ และเมื่อละอองน้ำรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่พอ น้ำจะตกลงมาเป็นฝนหรือละอองน้ำค้างกลับสู่พื้นดิน

น้ำในบรรยากาศมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพอากาศให้หมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต  นอกจากนี้การเกิดฝนยังช่วยเติมเต็มแหล่งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน

สารเคมีที่พบการปนเปื้อนบ่อยในแหล่งน้ำ

  1. สารเคมีจากการเกษตร
    • ไนเตรต (Nitrate) มักมาจากปุ๋ยเคมี เช่น ยูเรียและแอมโมเนียมไนเตรต การปนเปื้อนของไนเตรตในน้ำสามารถทำให้เกิดโรคเมตเฮโมโกลบินเมีย (Methemoglobinemia) หรือโรคเลือดจางในเด็กเล็ก (Rangsinth et al., 2021)
    • ยาฆ่าแมลง (Pesticides) เช่น คาร์บาริล (Carbaryl) และไกลฟอเสต (Glyphosate) ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาทและสุขภาพทั่วไป (Goulson, 2013)
  2. สารเคมีจากอุตสาหกรรม
    • ตะกั่ว (Lead) มักพบในน้ำจากการปล่อยของเสียจากอุตสาหกรรมและการสึกหรอของท่อน้ำ ตะกั่วสามารถสะสมในร่างกายและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะทุพพลภาพทางระบบประสาทและความผิดปกติของพัฒนาการในเด็ก (ATSDR, 2007)
    • ปรอท (Mercury) พบในน้ำจากการปล่อยของเสียจากอุตสาหกรรมและการขุดทอง ปรอทมีความเป็นพิษสูง สามารถทำลายระบบประสาทและไตได้ (Watts et al., 2015)
    • แคดเมียม (Cadmium) มักพบในน้ำจากการทำเหมืองและการปล่อยของเสียจากโรงงาน แคดเมียมสามารถทำลายไตและกระดูก (Nordberg et al., 2014)
  3. สารเคมีจากของเสียครัวเรือน
    • สารทำความสะอาด (Detergents) เช่น โซเดียมลอริลซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งอาจทำให้เกิดการเจริญเติบโตของสาหร่ายในน้ำและลดปริมาณออกซิเจนในน้ำ (Smith et al., 2020)
  4. น้ำมันและเชื้อเพลิง
    • น้ำมัน (Oil) การรั่วไหลของน้ำมันจากการขนส่งหรืออุตสาหกรรมอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนที่ยากต่อการทำความสะอาด น้ำมันสามารถทำลายระบบนิเวศน้ำและป้องกันการเกิดการถ่ายเทออกซิเจนในน้ำ (National Research Council, 2003)

อันตรายจากการปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำ

การปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำก่อให้เกิดอันตรายหลายด้าน

  1. ผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ การบริโภคน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีอาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ปัญหาสุขภาพระบบประสาท และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสารพิษสะสมในน้ำสูง
  2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปนเปื้อนสารเคมีส่งผลให้สัตว์น้ำและพืชพรรณได้รับอันตราย ทำลายระบบนิเวศที่สมดุล อาจทำให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสูญพันธุ์หรือมีจำนวนลดลงอย่างมาก
  3. สารพิษในห่วงโซ่อาหาร สารเคมีที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำสามารถสะสมในสัตว์น้ำ และแพร่กระจายไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลให้สัตว์ที่กินสัตว์น้ำได้รับสารพิษสะสม และมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต เช่น ไมโครพลาสติก

วิธีการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำ

  1. การใช้สารเคมีอย่างยั่งยืนในการเกษตร ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง หรือหันมาใช้วิธีการเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่ช่วยลดการปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำ
  2. การบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรม โรงงานควรมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีที่เป็นอันตรายถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
  3. การเพิ่มการตรวจสอบคุณภาพน้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ เพื่อตรวจหาสารเคมีที่ปนเปื้อนและวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
  4. การให้ความรู้แก่ประชาชน การส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักถึงปัญหาการปนเปื้อนและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำจากครัวเรือน

แหล่งน้ำธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน หรือน้ำในบรรยากาศ ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตและระบบนิเวศของโลก การปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำมาจากหลายแหล่ง เช่น การเกษตร อุตสาหกรรม และครัวเรือน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนเป็นสิ่งสำคัญ โดยการลดใช้สารเคมีอย่างยั่งยืน การบำบัดน้ำเสีย และการเพิ่มการตรวจสอบคุณภาพน้ำจะช่วยปกป้องแหล่งน้ำธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไป

 

References:

  • ATSDR (Agency for Toxic Substances and Disease Registry). (2007). Toxicological Profile for Lead.
  • Carpenter, S. R., et al. (1998). Nonpoint pollution of surface waters with phosphorus and nitrogen. Ecological Applications, 8(3), 559-568.
  • Goulson, D. (2013). An overview of the environmental risks posed by neonicotinoid insecticides. Journal of Applied Ecology, 50(4), 977-987.
  • Graham, J. L., et al. (2009). The Impact of Pollutants on the Quality of Freshwater Resources. Environmental Science & Technology, 43(21), 7942-7950.
  • Kümmerer, K. (2009). Pharmaceuticals in the environment: Sources, fate, effects, and risks. Springer Science & Business Media.
  • Miller, C., et al. (2019). Persistent organic pollutants and human health: The role of food in exposure and risk. Environmental Health Perspectives, 127(9), 095001.
  • National Research Council. (2003). Oil in the Sea III: Inputs, Fates, and Effects. National Academies Press.
  • Nordberg, G. F., et al. (2014). Cadmium, Handbook on the Toxicology of Metals. Elsevier.
  • Rosenberg, D., et al. (1999). Water quality monitoring for environmental management: A review. Water Research, 33(2), 507-527.
  • Snyder, S. A., et al. (2003). Removal of endocrine-disrupting chemicals (EDCs) and pharmaceuticals and personal care products (PPCPs) by wastewater treatment facilities. Science of The Total Environment, 306(1-3), 63-77.
  • Smith, V. H., et al. (1999). Eutrophication: Causes, Consequences, and Controls. Ecological Applications, 9(3), 751-752.
  • Smith, V. H., et al. (2020). The impact of detergents on aquatic ecosystems. Environmental Science & Technology, 54(15), 9456-9465.
  • Tilman, D., et al. (2002). Agricultural sustainability and intensive production practices. Nature, 418(6898), 671-677.
  • USEPA (United States Environmental Protection Agency). (2002). A Guide to the Management of Industrial Wastewater.
Close
Sign in
Close
Cart (0)

No products in the cart. No products in the cart.